กลิ่นตัว 5 แบบ สัญญาณเตือนที่ต้องระวัง

การมีกลิ่นตัวหรือกลิ่นรักแร้ ทำให้หลายคนหมดความมั่นใจ และรู้สึกไม่สบายใจ ไม่กล้าที่จะอยู่ใกล้ๆกับคนอื่น กลัวได้กลิ่นและรังเกียจ “กลิ่นตัว” ที่เกิดขึ้นนั้นมีด้วยกันหลายสาเหตุ ซึ่งอาจบ่งบอกถึงสุขภาพร่างกายของได้อีกด้วย

กลิ่นเหงื่อบอกปัญหาสุขภาพ

กลิ่นตัว กลิ่นเหงื่อ ส่วนมากเกิดจากการผลิตของต่อมเหงื่อที่มากเกิน ฮอร์โมนเพศชาย แบครีเรีย ส่งกลิ่นออกมาต่างกันไป

1.กลิ่นไขมัน

อาจเกิดจากการทำงานของตับและถุงน้ำดีไม่ดีเนื่องจากการรับประทานอาหารที่มีน้ำมันสูง แนะนำให้รับประทานผักใบเขียวมากขึ้น โดยชี้ให้เห็นว่าไขมันพอกตับ จะชะลอการเผาผลาญและป้องกันไม่ให้สารพิษถูกกำจัดออกไป ซึ่งจะทำให้สารพิษถูกขับออกทางเหงื่อ การรับประทานใยอาหารมากขึ้นจะช่วยเพิ่มปริมาณไขมันในอุจจาระ และลดการดูดซึมไขมัน

2.กลิ่นไหม้

หากชอบกินเนื้อสัตว์จะทำให้หัวใจและลำไส้เป็นภาระหนัก แนะนำให้บริโภคผักผลไม้ต่างๆ ดาร์กช็อกโกแลต และชาเขียวในปริมาณที่เหมาะสม อาหารที่อุดมไปด้วยโพลีฟีนอล สามารถปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือด ลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระต่อลำไส้และช่วยต่อสู้กับการอักเสบในร่างกาย

3.กลิ่นหวานเลี่ยน

การรับประทานน้ำตาลมากเกินไป จะทำให้กระเพาะอาหารและตับอ่อนทำงานไม่ดี แนะนำให้มันเทศ กระเจี๊ยบ และข้าวโพด ซึ่งสารโพลีแซ็กคาไรด์ ซึ่งสามารถเพิ่มพลังในการปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหารได้ หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป กลิ่นตัวก็จะเกิดขึ้นเช่นกัน

4.กลิ่นคาว

ถ้าชอบทานผลิตภัณฑ์จากนม ปอดและกระเพาะจะไม่ค่อยดี แนะนำให้ทานหัวไชเท้าขาวหรือชงชาขิงดื่ม โดยชี้ให้เห็นว่า “เคซีน” ในผลิตภัณฑ์นมนั้นย่อยยาก และสามารถสร้างกลิ่นได้ง่ายในระหว่างกระบวนการย่อยอาหาร ในขณะที่ขิงมีผลทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้อุ่นขึ้น ส่วนหัวไชเท้าขาวอุดมไปด้วยซัลโฟราเฟน ส่วนผสมทั้งสองสามารถช่วยขจัดไขมันออกจากร่างกายและปรับปรุงกลิ่นตัวได้

5.กลิ่นเน่า

เมื่อกลิ่นเน่าปรากฏในเหงื่อ ซึ่งอาจหมายความว่าบุคคลนั้นชอบกินเนื้อสัตว์แปรรูป และการบริโภคเกลือมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้ไตเสียหาย และเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้ จึงแนะนำให้รับประทานถั่ว ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะสามารถช่วยละลายแคลเซียมและออกซาเลตในปัสสาวะ

กลิ่นเหงื่อที่ออกมาจากร่างกายของเรามีด้วยกันหลายกลิ่น ซึ่งแต่ละแบบก็จะเป็นสัญญาณเตือนให้เรารู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเรา เช่น มีปัญหาลำไส้ ไต หรือบริโภคอะไรมากจนร่างกายต้องขับออกมา ดังนั้นจึงควรหมั่นสังเกตว่ามีกลิ่นตัวหรือไม่ และกลิ่นแบบไหน จะได้แก้ไขได้ทัน