อาการต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับยา ไม่ว่าจะทางการกิน ทา เส้นเลือด คนก็มักจะเข้าใจว่าตนเองแพ้ยาชนิดนั้นๆ ซึ่งจริงแล้วๆอาการไม่พึงประสงค์เหล่านั้นอาจเป็นผลข้างเคียงของยาที่ได้รับก็เป็นไปได้ เรามาทำความเข้าใจอาการที่เกิดขึ้นหลังได้รับยาว่าเป็น “การแพ้ยา” หรือ “ผลข้างเคียงของยา”
อาการแพ้ยาต่างกับผลข้างเคียงจากยาอย่างไร
อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
1.ผลข้างเคียงจากยา
เป็นอาการที่พบบ่อยเกิดจากกลไกลการทำงานของยาชนิดนั้น มีลักษณะสำคัญดังนี้
- สามารถเกิดขึ้นได้จากยาทุกชนิด อาการมีตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงอาการที่รุนแรง เช่น ชนิดของยา อายุ โรคประจำตัว ปริมาณการใช้ยา หรือการใช้ยาสมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอื่นร่วมด้วย
- มักเป็นอาการที่ไม่ค่อยรุนแรง เช่น ปากแห้ง ง่วงซึม ปวดท้อง ท้องเสีย ปวดกล้ามเนื้อ หรือปัสสาวะบ่อย โดยมากอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายได้เองหลังจากที่หยุดใช้ยา แต่ก็มีบางกรณีเช่นกันที่ยาอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะในร่างกายไปจนถึงเสี่ยงต่อการเสียชีวิต แต่พบได้น้อย
2.อาการแพ้ยา
เป็นผลจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายตอบสนองต่อสารบางชนิดในตัวยาผิดปกติไป มีลักษณะสำคัญดังนี้
- อาการแพ้ยาสามารถเกิดขึ้นได้จากยาและสมุนไพรทุกชนิด โดยอาจเกิดในครั้งแรกที่ใช้ยาหรือเกิดเมื่อใช้ยาชนิดเดิมซ้ำได้ด้วยเช่นกัน
- อาการแพ้ยาขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละคน หากอาการรุนแรงสามารถทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะอาการแพ้ยาแบบฉับพลัน ผู้ที่เกิดอาการแพ้ยาในลักษณะข้างต้นควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที
- ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการแพ้ยาได้สูง คือ คนในครอบครัวมีประวัติแพ้ยา ต้องใช้ยาในปริมาณมากใช้ยาซ้ำ หรือใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน มีประวัติเกิดอาการแพ้ชนิดอื่นอย่างแพ้อาหาร สามารถแบ่งอาการแพ้ยาได้เป็น 2 ลักษณะคือ
- แบบไม่ฉับพลัน อาการมักจะแสดงเกิน 1 ชั่วโมงหลังจากใช้ยา และอาการมักไม่ค่อยรุนแรง เช่น มีผื่นแดงขึ้น คันตา หรือปวดตามข้อ
- แบบฉับพลัน (Anaphylaxis) อาการมักจะแสดงภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากใช้ยา ถือเป็นอาการแพ้รุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของอวัยวะในร่างกายหลายส่วน เช่น หายใจไม่ออก หัวใจเต้นผิดจังหวะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องรุนแรง ใบหน้าและริมฝีปากบวม ท้องเสียเกิดลมพิษ เวียนศีรษะ ชัก หมดสติ
อย่างก็ตามอาการแพ้ยาหรือผลข้างเคียงจากยาเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ยาทั้งสิ้น ดังนั้นก่อนใช้ยาควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงผลข้างเคียงจากยาเสียก่อน หากพบอาการผิดปกติรีบไปพบแพทย์ทันทีพร้อมนำมาพกติดตัวไปด้วย